เหรียญดัง SOL คืออะไร และ Solana มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง?
หลายๆคนคงสัยสัยว่าเหรียญ SOL คืออะไร และมีจุดเด่นอะไรบ้าง
วันนี้ทาง Bitkub Academy จะขอคลายความสังสัยให้เพื่อนๆในบความ SOL คืออะไร!
Solana (SOL) คืออะไร?
Solana คือเครือข่ายบล็อกเชนรุ่นที่ 3 (Generation 3) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักที่สามารถขยับขยายขนาดเครือข่าย (Scalability) ได้ง่ายเพื่อรองรับผู้ใช้งานที่มากขึ้น อันเป็นข้อจำกัดสำคัญที่เครือข่ายยอดนิยมต่าง ๆ กำลังประสบปัญหาที่ส่งผลต่อผู้ใช้ในแง่ของความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ Solana ยังต้องการให้เครือข่ายเข้าถึงง่าย ทั้งการใช้งานของผู้ใช้ ไปจนถึงการเขียนโค้ดภายในเครือข่ายสำหรับนักพัฒนาต่าง ๆ ที่เข้ามาใช้บริการกับเครือข่าย ซึ่งมีสกุลเงินหลักเป็นเหรียญ SOL ในการทำธุรกรรม หรือใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ นั่นเอง
ปัจจุบันเครือข่าย Solana ได้มีโปรเจกต์ที่ถูกสร้างขึ้นภายในระบบนิเวศกว่า 400 โปรเจกต์ ที่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance : DeFi), สินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว (Non-Fungible Token : NFT), หรือแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (Decentralized Application : dApps) อื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น
ทีมผู้พัฒนา
Solana Labs คือ โปรเจกต์ที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 2017 ด้วยฝีมือของ Anatoly Yakovenko ร่วมกับ Greg Fitzgerald ที่เคยทำงานด้วยกันตั้งแต่อดีตที่บริษัท Qualcomm และได้มีการเชิญชวนเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดเหรียญ SOL และเครือข่าย Solana สู่โลกแห่งคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2020
เทคโนโลยีที่น่าสนใจของ Solana
ระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) อันเป็นดั่งแกนกลางสำคัญของบล็อกเชนของ Solana อย่าง Proof of Stake (PoS) ที่ตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นภายในเครือข่ายด้วยการล็อกเหรียญ (Staking) ภายในระบบเพื่อเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ไปพร้อมกันการยกระดับความปลอดภัยให้กับเครือข่าย
นอกจากระบบฉันทามติ PoS แล้วยังมี Proof of History (PoH) ที่ถูกผนวกเข้าด้วยกันส่งผลให้เครือข่ายบล็อกเชนมีความเร็วสูงในการทำธุรกรรม สามารถรองรับธุรกรรมได้สูงถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที และใช้เวลาในการสร้างบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาทีต่อบล็อก จึงทำให้ Solana ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน
แล้ว PoH คืออะไรละ? Proof-of-History คือระบบฉันทามติที่ถูกคิดค้นและใช้งานในปี ค.ศ. 2017 บนเครือข่ายของ Solana เพื่อช่วยลดระยะเวลาได้อย่างมากสำหรับการยืนยันธุรกรรมที่เกิดขึ้นภายในเครือข่ายผ่านระบบที่นำเรื่องการบันทึกเวลา (Timestamp) มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้โหนด (Node) หรือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันตลอดเวลา พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ทั้งระบบการทำงานสำหรับผู้ใช้งาน เป็นเหตุให้สามารถเกิดความกระจายศูนย์อำนาจที่แท้จริงขึ้นบน Solana ได้
ด้วยเทคโนโลยีอย่าง PoH ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อกำจัดในการขยายเครือข่ายเพื่อรองรับผู้ใช้งานที่มากขึ้นผสมผสานกับ PoS ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า ยืนยันธุรกรรมได้รวดเร็วกว่า และยกระดับความปลอดภัยของเครือข่ายที่มากขึ้นจึงทำให้ค่าธรรมเนียมอยู่ในราคาที่เข้าถึงง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รายย่อยไปจนถึงองค์กร
จุดน่าสนใจ
มากไปกว่าการทำธุรกรรมด้วยการโอนย้ายมูลค่าของเงินในเครือข่าย Solana ยังสามารถสร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ให้เกิดการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงโทเคนมาตรฐาน SPL ที่มีการออกแบบคล้ายกับ โทเคนมาตรฐาน ERC บนเครือข่าย Ethereum สำหรับการใช้งานบริการของแอปฯ ต่าง ๆ นั่นเอง
ในปัจจุบัน การทำธุรกรรมหรือใช้งานฟังก์ชันภายในเครือข่าย Solana มีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยเพียงแค่ 0.00025 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น และจะไม่มีทางมากไปกว่า 0.01 ดอลลาร์เพราะเครือข่ายนั้นพร้อมต่อการขยายขนาดของเครือข่ายเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้และนักพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
อ้างอิงจากเว็บไซต์ Coinmarketcap เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2022 SOL คือสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงสุดอันดับที่ 8 โดยมีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9.45 แสนล้านบาท โดยจำนวนเหรียญ SOL ทั้งหมดมีอยู่ที่ 511,616,946 เหรียญ และมีเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดที่ 314,967,353 เหรียญ มากกว่านั้น SOL เคยทำราคาสูงสุดที่ 8,611.57 บาท และ ณ เวลาที่เขียนนี้ ราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่แถว 3,000.48 บาท
สรุป
Solana คือเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถขยับขยายเครือข่าย (Scalability) ได้ง่ายทำให้สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ๆ ได้ อีกทั้งยังเข้าถึงง่ายทั้งสำหรับผู้ใช้ และนักพัฒนา โดยมีเหรียญ SOL เป็นสกุลเงินหลักในการทำธุรกรรม หรือใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ
อ้างอิง:
Crypto
บทความล่าสุด
โทเคนดิจิทัล| Price Today!
อัพเดทตลาด