Hardware Wallet กับ Software Wallet คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร

Hardware Wallet vs Software Wallet



กระเป๋าคริปโทเคอร์เรนซีหรือที่เรียกติดปากกันว่า “Wallet” นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเก็บรักษาคริปโทฯ ไว้ได้ หลาย ๆ คนอาจคิดว่ากระเป๋านั้นเก็บเหรียญเอาไว้ข้างใน แต่ในความเป็นจริงแล้วกระเป๋าทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้เราสามารถเข้าไปดูสินทรัพย์และจัดการธุรกรรมต่าง ๆ ของเราได้ ส่วนที่เก็บเหรียญจริง ๆ แล้วบันทึกอยู่ในบล็อกเชนนั่นเอง



แล้วกระเป๋ามันเก็บอะไรกัน ? สิ่งที่อยู่ข้างในจะมีคีย์ส่วนตัว (Private Key) เปรียบเสมือนกุญแจไขกระเป๋าของเราซึ่งมีความสำคัญมาก และคีย์สาธารณะ (Public Key) เปรียบเสมือนเลขกระเป๋าที่จะเป็น Address ไว้สำหรับรับ-ส่งสินทรัพย์



สิ่งที่คุณควรรู้คือ Private Key นั้นหากใครได้ครอบครองไว้ก็จะสามารถเข้าถึงกระเป๋านั้นได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราควรเก็บ Private Key ไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งกระเป๋าที่เราใช้นั้นก็มีการเก็บและการใช้งานต่างกัน โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้



1. Hot Wallet คือกระเป๋าที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว อยู่ในรูปแบบของ Software Wallet

2. Cold Wallet คือกระเป๋าที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีความปลอดภัยสูง สามารถพกพาติดตัวได้ แต่มีขั้นตอนการใช้งานที่ยุ่งยากนิดหน่อย โดยจะอยู่ในรูปแบบของ Hardware Wallet



นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าแบบกระดาษทั่วไปและแผ่นเหล็กหนาเพื่อสลัก Private Key หรือ Seed Phrase ได้ จัดเป็น Cold Wallet เช่นกัน เนื่องจากเป็นการเก็บรักษา Private Key ที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต



คราวนี้เราไปเจาะลึกเกี่ยวกับ Hardware Wallet และ Software Wallet ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรนะ





Hardware Wallet คืออะไร ?



Hardware Wallet คือกระเป๋าที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอยู่ในรูปแบบของฮาร์ดแวร์ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีขั้นตอนการใช้งานที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็มีความปลอดภัยสูง สามารถพกพาติดตัวได้ จึงทำให้สามารถป้องกันการถูกแฮ็กเข้าระบบได้ ที่สำคัญ การสูญหาย หรือถูกเจาะระบบ แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมีรหัสผ่าน PIN Code ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงไว้อีกชั้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางใจ และกู้คืน Private Key ได้ด้วย Recovery Seed หรือคำและประโยคที่ใช้เสมือน Private Key เช่น Ledger Nano S, Trezor Model T และ SafePal เป็นต้น





Software Wallet คืออะไร ?



Software Wallet คือกระเป๋าที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เช่น MetaMask, Trust Wallet หรือ Exodus เป็นต้น



Software Wallet นั้นสามารถเข้าถึงได้ทั้งการดาวน์โหลดซอฟแวร์หรือการเปิดใช้ผ่านบราวเซอร์ ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องของการถูกแฮ็กจากช่องทางต่าง ๆ และผู้ให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ นักลงทุนที่ใช้ Software Wallet อยู่ควรศึกษาข้อมูลผู้ให้บริการและระมัดระวังในการใช้งานอุปกรณ์ใด ๆ ที่เข้าถึงกระเป๋าของคุณได้





Hardware Wallet และ Software Wallet แตกต่างกันอย่างไร?



ประการแรกคือ Hardware Wallet นั้น ไม่มีการเชื่อมต่อินเทอร์เน็ต นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครสามารถเข้ามาแอบขโมยข้อมูลได้ ซึ่งต่างจาก Software Wallet ที่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่หากมองเรื่องความสะดวกสบายแล้วนั้น Software Wallet อาจตอบโจทย์มากกว่า เพราะไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยาก จึงเหมาะกับการใช้เป็นกระเป๋าชั่วคราวในการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์หรือการเทรด แต่หากต้องการเก็บรักษาระยะยาว Hardware Wallet อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า



เรื่องความปลอดภัยอื่น ๆ นั้นก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อย่าง Hardware Wallet จะมีการใส่รหัส PIN เพื่อเริ่มเชื่อมต่อกับตัวอุปกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นปราการอีกชั้นหนึ่งในกรณีที่คุณทำ Wallet หายหรือถูกขโมยไป ส่วน Software Wallet โดยปกติแล้วก็จะมีการตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่กระเป๋าเช่นกัน



แต่ที่พิเศษกว่าคือ ตัว Hardware Wallet จะมีชิปที่ใช้สร้างและจัดเก็บ Private Key อยู่ภายในตัวเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครเห็น Private Key ของเราอย่างแน่นอน นอกจากจะมีคนอยู่ข้างหลังคุณ ในขณะที่ Software Wallet นั้น มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ที่คุณเปิด เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ หากแฮ็กเกอร์กำลังเจาะเครื่องคอมพิวเตอร์และกำลังเฝ้าดูหน้าจออยู่ก็เป็นอันจบ



ในด้านของการรองรับเหรียญนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดของผู้ให้บริการหรือผู้ผลิตว่ามีการรองรับเครือข่ายหรือเหรียญใดบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด





สรุป



เนื่องจาก Hardware Wallet มีความสามารถในการทำงานที่โดดเด่นในด้านการรักษาความปลอดภัย และความคงทน แต่ก็แลกมาด้วยการใช้งานที่ค่อนข้างยากกว่า เหมาะสำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ระยะยาว Software Wallet ที่เน้นความรวดเร็ว เหมาะกับการใช้โยกย้ายสินทรัพย์ในระยะสั้น นักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาและวางแผนการเก็บสินทรัพย์และการรักษา Private Key ควบคู่กันไปตามความเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย





อ้างอิง



Siamblockchain, panthera