
Bitcoin vs. Altcoin
ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล มีสกุลเงินที่เกิดขึ้นมาหลากหลายชนิดด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งมีจุดประสงค์แตกต่างกันไป ทั่วไปแล้วได้มีการนิยามสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างมาทีหลัง Bitcoin โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดการกระจายศูนย์ แต่อาจมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างออกไปจาก Bitcoin เราจึงสามารถนิยามออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Bitcoin และ Altcoin
สกุลเงินดิจิทัลทั้ง 2 ประเภทมีหน้าที่ เป้าหมาย รวมถึงข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนการลงทุนและความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน โดยเหรียญทั้งสองประเภทมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Bitcoin
Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิทัลเหรียญแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้เกิดการกระจายศูนย์อย่างแท้จริง สร้างขึ้นเมื่อปี 2008 โดยบุคคลหรือกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto และได้อธิบายผ่าน Whitepaper ไว้ว่าเป็นระบบการเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบบุคคลสู่บุคคล (A Peer-to-Peer Electronic Cash System) หมายความว่า ทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ กันได้โดยตรง เพราะระบบนี้ไม่มีตัวกลางเช่น บริษัท ธนาคาร รัฐบาล หรือ ประเทศใด ๆ คอยควบคุม
Bitcoin มีจำนวนเหรียญจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ สามารถได้มาโดยการเป็นโหนดที่ช่วยยืนยันธุรกรรมบนเครือข่าย หรือที่เรียกกันว่านักขุด (Miner) ผ่านระบบฉันทามติชื่อว่า Proof-of-Work นอกจากนี้ จำนวนเหรียญที่ปล่อยออกมาจะถูกลดจำนวนลงครึ่งหนึ่งทุก 210,000 บล็อก หรือทุก 4 ปี โดยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Bitcoin Halving
ในแง่จุดประสงค์และการใช้งานของ Bitcoin คือ การเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โดยมีคุณสมบัติคือ ปลอดภัย โปร่งใส และไร้ตัวกลาง อีกทั้งยังสามารถทำธุรกรรมจากทุกที่ได้ด้วยความรวดเร็ว มีค่าธรรมเนียมที่ถูก และยังเปรียบเสมือนทองคำดิจิทัล เพราะสามารถเป็นสินทรัพย์ที่จัดเก็บมูลค่าและมีคุณสมบัติคล้ายกับทองคำ
Altcoin
Altcoin คือ คำนิยามของสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกนอกเหนือจาก Bitcoin เช่น Ethereum หรือ Dogecoin ซึ่งมีมากกว่า 8000 เหรียญในปัจจุบัน ในบางครั้ง Altcoin มักถูกเรียกว่า Tokens แทนคำว่า Coins ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และการใช้งานของแต่ละเหรียญซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น Governance Tokens, Utility Tokens หรือ Security Tokens เป็นต้น
Altcoin มีอุปทานที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่น้อยมากไปจนถึงไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับทางผู้พัฒนาโปรแกรมว่าจะแบ่งสัดส่วนหรือนำเหรียญเหล่านั้นไปใช้งานในด้านใด โดยการกำหนดสัดส่วนของเหรียญจะถูกเรียกว่า Tokenomics หรือระบบเศรษฐศาสตร์ในโลก Cryptocurrency นั่นเอง การได้มามีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การนำเหรียญไปวางค้ำประกันในระบบ (staking) เพื่อรับสิทธิ์เป็นผู้ตรวจสอบ (Validator) การนำเหรียญไปวางเพิ่มเป็นสภาพคล่อง (Yield Farming) กระทั่งการ ICO หรือ Initial Coin Offering
ในแง่จุดประสงค์การใช้งาน Altcoin มีอยู่หลากหลาย เช่น การนำมาใช้เป็นสกุลเงินบนเครือข่ายที่ถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของ Bitcoin อย่าง Ethereum, Cardano, และ Polkadot หรือ การสร้างเพื่อนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการทำกิจกรรมต่าง ๆ บนระบบนิเวศของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) เช่น Compound Finance หรือ Uniswap แม้กระทั่งการสร้างมาเพื่อล้อเลียนบางอย่างบนโลกทางกายภาพหรือ บนโลก Cryptocurrency อย่าง Dogecoin เป็นต้น
ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Altcoin
Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิทัลแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่เนื่องจากเป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรก ทำให้มีฟังก์ชันการใช้งานน้อย แต่ได้รับความน่าเชื่อถือและการยอมรับจำนวนมาก ทำให้มีมูลค่าทางการตลาดและปริมาณการแลกเปลี่ยนสูงที่สุด และกลายเป็นสินทรัพย์ที่เก็บมูลค่าได้ดีนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ในด้านการกระจายศูนย์ Bitcoin ทำงานด้วยการให้ผู้ใช้งานเป็นผู้ยืนยันธุรกรรมร่วมกันทั้งหมด โดยปัจจุบันมีโหนดที่เข้าร่วมเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจำนวนมากทั่วโลก ทำให้การแก้ไขข้อมูลในเครือข่ายสามารถทำได้ยาก อีกทั้งผู้พัฒนาอย่าง Satoshi Nakamoto ไม่ได้มีการติดต่อกับทางผู้ใช้งานมาหลายปีจึงกลายเป็นบุคคลที่ลึกลับ ทำให้ระบบนี้มีเพียงผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
Altcoin คือ สกุลเงินดิจิทัลทางเลือกนอกเหนือจาก Bitcoin มีจุดประสงค์และการใช้งานที่หลากหลายกว่า Bitcoin เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนรุ่นหลัง ทำให้มีการนำข้อบกพร่องหรือ สิ่งที่ต้องแก้ไขในบล็อกเชนรุ่นก่อนมาปรับปรุง และพัฒนาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรวมไปถึงการออกเหรียญมาเพื่อดำเนินงานต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มที่ตั้งอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนอีกด้วย รวมถึง Altcoin ยังมีอัตราการเติบโตในปริมาณที่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน Altcoin มีความผันผวนที่มากตามเช่นกัน
ในด้านการกระจายศูนย์ Altcoin ส่วนมากถูกพัฒนาขึ้นโดยองค์กรส่วนบุคคล ทำให้ยังมีคนคอยกำกับดูแลความเรียบร้อยของระบบ บางครั้งได้มีการนำองค์กรดูแลระบบแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Autonomous Organization :DAO) เพื่อทำให้ผู้ใช้งานกลายเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการและพัฒนาระบบ อย่างไรก็ดี ทางผู้พัฒนายังต้องเข้ามาแก้ไขการทำงานของระบบอย่างสม่ำเสมอ
สรุป
Bitcoin และ Altcoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีจุดประสงค์ เป้าหมายที่ และอุปทานที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีอัตราการเจริญเติบโต และความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน มากกว่านั้น ยังมีการกระจายศูนย์ที่มากน้อยแตกต่างกันออกไป
การศึกษาความเป็นมาของเหรียญแต่ละสกุลจะช่วยให้เข้าใจการทำงาน เป้าหมาย และจุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนในอนาคต และยังมีส่วนช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลในการคิดวิเคราะห์และตัดใจในการลงทุนได้ดีขึ้น
อ้างอิง
Investopedia binanceacademy U.S.News NDTV Timesofindia coinmarketcap
Crypto
บทความล่าสุด
โทเคนดิจิทัล
อัพเดทตลาด