กลยุทธ์การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี

กลยุทธ์การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี

มีกลยุทธ์การลงทุนช่วยอะไรได้?



กลยุทธ์ในการลงทุน คือ กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อสร้างระเบียบและควบคุมพฤติกรรมในการเทรดและลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน และเพิ่มโอกาสทำกำไร



โดยหลัก ๆ แล้ว กลยุทธ์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองลักษณะคือ Active trading strategy (กลยุทธ์การเทรดแบบกระตือรือร้น) และ Passive investment strategy (กลยุทธ์การลงทุนแบบไม่กระตือรือร้น)





1. Active trading strategy



Active trading strategy คือกลยุทธ์ในการเทรดที่ต้องมีความใส่ใจกับข่าวสาร พอร์ตฟอลิโอ หรือกราฟเป็นประจำ

ซึ่งกลยุทธ์ที่ถูกนับเป็น Active trading strategy ประกอบไปด้วย Day trading, Swing trading, Trend trading, Scalping และ News trading



1.1 News trading



News trading คือการเทรดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นรายวัน 

ด้วยความผันผวนของตลาด ข่าวสารจึงมีผลกระทบต่อราคาอย่างมาก นักเทรดตามข่าวที่สามารถระบุได้ว่าข่าวไหนจะส่งผลต่อราคาอย่างไร จะสามารถเตรียมพร้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของราคาได้



ข้อดีของการเทรดรูปแบบนี้คือ ข่าวสารและเหตุการณ์เกี่ยวกับคริปโทนั้นเกิดขึ้นทุก ๆ วัน จึงมีโอกาสในการเทรดและทำกำไรค่อนข้างบ่อย ส่วนข้อเสีย การเทรดด้วยข่าวจำเป็นต้องติดตามข่าวสารเป็นประจำ ในช่วงเวลาพักผ่อน นักเทรดอาจพลาดโอกาสในการทำกำไร หากมีข่าวสำคัญเกิดขึ้นในช่วงนั้น



1.2 Day trading



Day trading หรือการเทรดรายวัน คือกลยุทธ์การเทรดแบบ Active ที่มาจากพฤติกรรมการเทรดบนตลาดหุ้นแบบเดิม ๆ ที่นักเทรดเข้าซื้อและขายออกภายในระยะเวลาที่ตลาดเปิดในหนึ่งวัน เพื่อรับกำไรภายในเวลาที่สั้น



แต่นิยามของคำว่า Day trading บนตลาดคริปโทนั้นจะแตกต่างออกไป เนื่องจากตลาดจะเปิด 24 ชั่วโมง Day trading จึงเป็นการเทรดภายในหนึ่งวัน หรือ 24 ชั่วโมงจริง ๆ นั่นเอง

นักเทรดลักษณะนี้ต้องมีความรู้เรื่อง Technical Analysis (การวิเคราะห์เชิงเทคนิค) เพื่อวางแผนการเทรด และต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด ผู้ใช้กลยุทธ์นี้จึงต้องแบกรับความเสี่ยงขาดทุน ดังนั้น Day trading จึงเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์กราฟ



1.3 Swing trading



Swing trading (สวิงเทรด) คือการเทรดในระยะกลาง ที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับมือใหม่กว่ากลยุทธ์อื่น ๆ



การเทรดลักษณะนี้ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในการทำกำไร นักเทรดจะใช้ทั้งความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรัพย์สิน ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ตำ่ และขายออกในราคาที่สูง



Swing trading ใช้เวลาที่ไม่สั้นหรือนานเกินไป โดยอาจใช้เวลาเป็นรายอาทิตย์หรือรายเดือน นักเทรดจึงมีเวลาในการตัดสินใจค่อนข้างเยอะ ทำให้กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับมือใหม่



1.4 Trend trading



Trend trading คือการเทรดระยะยาว ที่นักเทรดเข้าซื้อหรือปล่อยขายสินทรัพย์ตามแนวโน้มของตลาด



โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้จะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของทรัพย์สินเพื่อระบุแนวโน้ม (Trend) ของตลาด จากนั้นจึงหาจุดเข้าและออกในการเทรด 

ถ้าเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) นักเทรดจะซื้อ ในทางกลับกัน ถ้าเป็นแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) นักเทรดก็จะขาย หรือเปิดสถานะ Short (Short sell) สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)



นอกจากการระบุแนวโน้มของตลาดแล้ว นักเทรดควรระบุสัญญาณการกลับตัวของกราฟได้ด้วย เพื่อลดความเสี่ยงที่แนวโน้มจะพลิกผัน ทำให้ถอนคำสั่งไม่ทัน เช่นเดียวกับการสวิงเทรด Trend trading นั้นค่อนข้างง่ายและเหมาะสมสำหรับมือใหม่ แต่ต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีด้วยเช่นกัน

1.5 Scalping



การ Scalping คือกลยุทธ์ในการเทรดที่ใช้ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ อาจจะไม่ได้กำไรที่มาก แต่เน้นความถี่ในการเทรดเพื่อสะสมกำไร จึงเป็นเรื่องปกติ ที่นักเทรดประเภทนี้จะซื้อแล้วขายเลยภายในไม่กี่วินาที



Scalping คือ วิธีการที่อิงตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถซื้อและขายได้ทันที การเทรดแบบ Scalping เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่เหมาะกับนักเทรดมือใหม่ นักเทรดควรมีความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง (Risk management) ในระดับสูง และวินัยที่ดีมากเช่นกัน



ตัวอย่างของการบริหารความเสี่ยงและวินัยที่ดี คือการตั้ง Cut loss มี Risk/Reward Ratio ประมาณ 1:1 และ มี Win/Loss ratio มากกว่า 2:1 เป็นต้น





2. Passive Investment Strategy



การลงทุนแบบ Passive คือลักษณะการลงทุนที่ตรงกันข้ามกับ Active trading strategy โดยสิ้นเชิง การลงทุนแบบนี้ไม่ต้องใช้เวลาและการเอาใจใส่มากนัก ตัวอย่างของ Passive Investment Strategy คือการ Buy and Hold (ซื้อและถือ) และการลงทุนเพื่อหวังเงินปันผล



2.1 Buy and Hold 



การ Buy and hold หรือ HODL (Hold on for Dear Life) ก็คือการลงทุนระยะยาว ที่นักลงทุนมองว่ามีแนวโน้มจะขึ้นต่อ โดยไม่สนว่าจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่



ส่วนมาก นักลงทุนลักษณะนี้จะซื้อสินทรัพย์ตามพื้นฐานของสินทรัพย์ที่เขาคาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูง โดยไม่คำนึงถึงราคา ณ ขณะนั้น เพราะคาดว่ามูลค่าในอนาคตจะสูงขึ้นอยู่ดี

วิธีนี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่จำเป็นต้องเข้าใจ Technical analysis แถมยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงมาก ถ้าตลาดเป็นใจ



ตัวอย่างสินทรัพย์ที่นิยม Buy and hold คือบิตคอยน์ เพราะนักลงทุนต่างคาดหวังว่าบิตคอยน์จะมีบทบาทสำคัญกับการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกสินทรัพย์ที่จะเหมาะสมกับกลยุทธ์นี้ 





3. การลงทุนเพื่อ Passive income



ในตลาดคริปโท ดอกเบี้ยจากการฝากสามารถหามาได้หลายช่องทาง ซึ่งอาจได้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น การเสริมสภาพคล่องให้กับ Exchange, DeFi และการ Stake



3.1 DeFi



DeFi (Decentralized Finance) เปิดช่องทางให้ผู้ใช้ฝากเหรียญเข้ามาเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับเหรียญที่รองรับ และให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาแลกเปลี่ยนเหรียญโดยเสีย Gas fee (ค่าธรรมเนียม) ตามปริมาณที่แพลตฟอร์มกำหนด ซึ่งผู้ใช้ที่ฝากเหรียญเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมนั้น



ตัวอย่างของ DeFi ที่เป็นที่นิยมก็คือ Maker, Compound, Aave, Uniswap, SushiSwap และอื่น ๆ อีกมากมาย



อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องมีความระมัดระวังไม่ไปใช้บริการ DeFi ที่เป็นสแกม ซึ่งสังเกตุได้จากการสัญญาจะให้ผลตอบแทนที่สูงผิดปกติ ดังนั้น ผู้ที่สนใจลงทุนใน DeFi ต้องมีความรู้ความเข้าใจในระดับหนึ่ง



3.2 Exchange



Exchange คือแพลตฟอร์มกลางที่ให้นักลงทุนมาซื้อขายเหรียญคริปโท การเสริมสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์มนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะได้รับ Passive income



ซึ่งระบบนี้จะเอาเงินของผู้ใช้ไปปล่อยกู้ให้กับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มที่ต้องการเทรดแบบ Margin (Leveraged Trading) และจะได้รับผลตอบแทนตามที่ Exchange กำหนด (โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 2-5%)



Margin trading คือการยืมเงินไปเทรด เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติมถ้ากราฟไปตามที่คาดไว้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาสินทรัพย์สวนทางกับที่คาดไว้ ก็จะมีโอกาสขาดทุนมากขึ้น

ถึงแม้ผลตอบแทนของการเสริมสภาพคล่องอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยพอสมควร ความเสี่ยงเดียวก็คือความเสี่ยงที่แพลตฟอร์มจะโดนแฮค





สรุป



ไม่ว่าจะกลยุทธ์การลงทุนแบบไหน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์ และหากลยุทธ์ที่ตัวเองถนัด ที่สำคัญ นักลงทุนควรเรียนรู้และประยุกต์ใช้การบริหารความเสี่ยง เพราะตลาดคริปโทเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง





อ้างอิง:



Binance Academy, Medium, SiamBlockChain

Trading

บทความล่าสุด

โทเคนดิจิทัล| Price Today!

อัพเดทตลาด