Validator vs. Miner สถานะของผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน
ปัจจุบันที่คริปโทเคอร์เรนซี่เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เครือข่ายบล็อกเชนต่าง ๆ มีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป เมื่อระบบฉันทามติมีความหลากหลายมากขึ้น อาจก่อให้เกิดความสับสนได้ง่าย
สำหรับหัวข้อวันนี้ คือความแตกต่างของสรรพนามระหว่าง ผู้ตรวจสอบ และ นักขุด กล่าวคือบุคคลที่มีหน้าที่ในการยืนยันธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชน ทั้ง 2 ชื่อนี้มีความแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร? มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันได้เลย!
Validator
ผู้ตรวจสอบธุรกรรม หรือ Validator มีหน้าที่ในการยืนยันธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนที่ใช้ระบบ Proof of Stake (PoS) โดยมาตรการคัดเลือกผู้ตรวจสอบของแต่ละบล็อกเชนที่ใช้ PoS อาจแตกต่างกันเล็กน้อยเปรียบเสมือนร้านอาหารทำผัดกะเพรา แต่มีรสชาติ สูตร และขั้นตอนการทำที่แตกต่างกันออกไป
นอกเหนือจากการเรียกคนที่ทำหน้าที่ยืนยันธุรกรรมที่แตกต่างกัน สำหรับการสร้างบล็อกก็เช่นกันโดยใช้คำว่า หลอม (Forging) ซึ่งผู้ใช้งานที่จะได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้ตรวจสอบ ต้องมีการล็อคเหรียญไว้ในระบบเพื่อใช้เป็นหลักประกัน ในกรณีที่มีเจตนารทุจริตก็จะถูกยึดเหรียญที่ฝากไว้อีกด้วย
Miner
นักขุด หรือ Miner มีหน้าที่ในการยืนยันธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนที่ทำงานด้วยระบบ Proof of Work (PoW) โดยแข่งขันกันแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ เพื่อชิงสิทธิ์ในการยืนยันธุรกรรมนั้น ๆ เปรียบได้กับการวิ่งแข่ง คนที่วิ่งถึงเส้นชัยเป็นคนแรกจะได้รับสิทธิ์ในการยืนยันธุรกรรมรอบนั้น
ต่อมา วิธีการสร้างบล็อกบนบล็อกเชนแบบ PoW เรียกว่า ขุด (Mining) ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลสูง และพลังงานไฟฟ้าที่สูงเช่นกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานมีโอกาสในการตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนมากกว่าผู้ใช้งานอื่น ๆ
Validator และ Miner มีความแตกต่างกันอย่างไร?
การเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนทั้ง 2 แบบ มีผลลัพธ์ที่เหมือนกัน คือการยืนยันธุรกรรมเพื้อให้เครือข่ายบล็อกเชนมีความโปร่งใสมากที่สุด ทว่าขั้นตอนระหว่างทางอาจแตกต่างกัน
Validator คือผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนที่มีการใช้ระบบ Proof of Stake (PoS) ด้วยการล็อคเหรียญภายในระบบเพื่อเป็นผู้ตรวจสอบ ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ตรวจสอบขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละเครือข่าย เพื่อรับรางวัลจากการตรวจสอบ
Miner คือผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนผ่านการแข่งขันด้านคำนวณสมการทางคณิตศาสตร์ ในระบบ Proof of Work (PoW) ผ่านการประมวลผล ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักเพื่อแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้รับสิทธิในการยืนยันธุรกรรม
สรุป
เบื้องหลังมีความแตกต่างกันทางรายละเอียด แต่หน้าที่และผลลัพธ์ของทั้ง 2 นั้นเหมือนกัน เพื่อแสดงความโปร่งใสหากมีใครต้องการเข้ามาดูข้อมูลภายใน ตามหลักการกระจายอำนาจของบล็อกเชน
อย่างไรก็ดี หากทุกคนเข้าใจรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ก่อให้เกิดภาพที่ชัดเจนภายในหัวถึงการทำงานบนบล็อกเชนด้วยระบบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสังคมคริปโทเคอร์เรนซี่ในประเทศไทย มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต
อ้างอิง: Blockgeeks, Investopedia, Bitdegree
Blockchain
บทความล่าสุด
โทเคนดิจิทัล| Price Today!
อัพเดทตลาด