Cardano (ADA) คืออะไร?

Cardano (ADA) คืออะไร?

Cardano (ADA) คืออะไร และมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น?



Cardano คือเครือข่ายบล็อกเชนเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่กำกับดูแลการพัฒนาเครือข่ายโดยทีมพัฒนาอย่าง Input Output Hong Kong (IOHK) ที่มีหน้าที่ในการดูแลและพัฒนาประสิทธิภาพของเครือข่าย Cardano รวมถึง Ethereum Classic ในบางส่วนอีกด้วย 

มากไปกว่านั้น Cardano คือเครือข่ายที่มุ่งเน้นไปที่การใช้งานฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อสร้างแอปพลิเคชั่นกระจายศูนย์ (dApps) พร้อม ๆ กับการขยายเครือข่ายให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้ที่จะเพิ่มสูงขึ้น (Scalability) โดยมีเหรียญคริปโตหลักที่ใช้งานภายในเครือข่ายก็คือเหรียญ ADA นั้นเอง





Cardano มีจุดเริ่มต้นอย่างไร?



Cardano เริ่มต้นมาจาก Charles Hoskinson อดีตทีมผู้สร้างของเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Ethereum ที่ต้องการออกมาสร้างเครือข่ายด้วยแนวคิดของตนเองในปี ค.ศ. 2015 จนพัฒนาสำเร็จในปี ค.ศ. 2017 และมีการระดมทุนผ่านการ ICO ในปีดังกล่าว 

Charles Hoskinson มีเป้าหมายในการสร้างบล็อกเชนที่ง่ายต่อการขยายขนาดเครือข่ายและใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม





แผนการพัฒนาของ Cardano



ทาง Cardano มีแผนพัฒนาหรือ Cardano Roadmap แบ่งออกเป็น 5 เฟสใหญ่ ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ Byron, Shelley, Goguen, Basho, และ Voltaire นั้นเอง



Byron (Foundation Phase)



เริ่มต้นจาก Byron คือขั้นตอนแรกของการสร้างเครือข่าย Cardano ในปี ค.ศ. 2017 เพื่อให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ ADA และ Software Wallet อย่าง Daedalus กับ Yoroi รวมไปถึงการนำเหรียญขึ้นกระดานซื้อขายใหญ่ ๆ ที่มีสภาพคล่องที่ดี



Shelley (Decentralization Phase)



ต่อมา Shelley คือขั้นตอนของการนำระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) Proof of Stake มาใช้ภายในเครือข่ายอย่างเต็มประสิทธิภาพในปีค.ศ. 2020 เพื่อให้เครือข่ายเกิดการกระจายอำนาจ (Decentralization) ที่มากขึ้น โดยผู้ถือเหรียญสามารถนำเหรียญไปฝากไว้ในระบบ (Staking) เพื่อรับผลตอบแทน (Reward) จากการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม และยกระดับความปลอดภัยให้กับเครือข่าย



Goguen (Smart Contract Phase)



เฟสที่ 3 ของ Cardano หรือ Goguen คือการนำฟังก์ชัน Smart Contract เข้ามาใช้งานภายในเครือข่ายของ Cardano เพื่อให้เกิดการใช้งานจริงที่เพิ่มมากขึ้น ดึงดูดนักพัฒนาหน้าใหม่ให้เข้ามาสร้างแอปพลิเคชั่นกระจายศูนย์ (dApps) ด้วย Smart Contract ผ่านภาษาโปรเกรมเฉพาะทางอย่าง Plutus หรือ Marlowe



ปัจจุบัน Cardano กำลังอยู่ในเฟสที่ 3 (Goguen) และมีการพัฒนาส่วนของ Alonzo Hard Fork เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564 เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันการสร้างสัญญาอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ 



Basho (Scaling Phase)



เฟสที่ 4 มุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตของเครือข่ายให้มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับให้ผู้ใช้สามารถใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ บนเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมในแบบที่ต้องการได้ในอนาคต



โดยช่วงแรกจะเป็นการนำ Sidechain มาใช้งานภายในเครือข่ายให้มีกลไกย่อส่วนข้อมูลให้เล็กลงเพื่อที่ข้อมูลจะสามารถเคลื่อนที่ได้ง่าย รวดเร็ว รองรับธุรกรรมจำนวนมากได้ดีขึ้น ซึ่งทาง Ethereum ก็ได้มีแผนพัฒนาเช่นเดียวกัน หลังจากการเปลี่ยนระบบฉันทามติจาก Proof of Work (PoW) สู่ Proof of Stake (PoS)



Voltaire (Governance Phase)



เฟสสุดท้ายภายใต้การบริหารของ IOHK ต่อเครือข่าย Cardano ที่เรียกว่า Voltaire ทำให้เครือข่ายมีความกระจายอำนาจด้วยการส่งต่อการบริหารจัดการ หรือการพัฒนาในอนาคตไปสู่ผู้ใช้งานภายในเครือข่ายแบบ 100% ซึ่งอำนาจในการโหวตเพื่อร่วมในการตัดสินใจจะมาจากการฝากเหรียญไว้ภายในระบบ (Staking) นั่นเอง





เหรียญ ADA ใช้ทำอะไรได้บ้าง?



เหรียญ ADA คือสกุลเงินหลักบนเครือข่ายของ Cardano ที่ผู้ใช้สามารถนำเหรียญ ADA มาชำระค่าธุรกรรม (Gas Fee) บนเครือข่าย สำหรับการส่งต่อมูลค่าทางการเงิน การเขียน Smart Contract เพื่อสร้าง dApps ให้เกิดการใช้งานจริงบนโลกของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ซึ่งเหรียญ ADA สามารถนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในระบบนิเวศของ Cardano ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้พัฒนาไม่ใช่แค่ผู้สร้างเพียงอย่างเดียว





จุดเด่นของ Cardano คืออะไร?

Cardano เกิดมาในฐานะบล็อกเชนเจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมกับความสามารถในการปรับขนาดเพื่อใช้งานจริงกับธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริงกับระบบการศึกษา และยังมีโปรเจกต์ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอีกมากมาย



เหรียญ ADA คือหนึ่งในเหรียญที่มีการทำงานด้วยระบบฉันทามติอย่าง Proof of Stake (PoS) ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ณ ปัจจุบัน และพลังงานที่ถูกใช้ภายในเครือข่ายนั้น น้อยกว่าเครือข่ายบล็อกเชนที่มีการทำงานด้วยระบบ Proof of Work (PoW) อย่างมาก



Smart Contract คือหนึ่งในฟังก์ชันภายในเครือข่าย นับว่าเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจเพราะภาษาโปรแกรมที่จำเป็นในการร่างสัญญานั้นคือภาษา Plutus หรือ Marlowe ซึ่งมีความสามารถเฉพาะทางช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น



ล่าสุดทาง Cardano กำลังอยู่ในขั้นตอนทดลองการย้ายฐานข้อมูลโทเคนใน Ethereum (ERC-20 Token) หรือที่เรียกว่า ERC-20 Converter Tool มาอยู่กับ Cardano 



นอกจากนี้ เครือข่ายบล็อกเชน Cardano ได้ถูกนำไปใช้จริงกับระบบการศึกษาที่ประเทศเอธิโอเปีย เพื่อช่วยประเมินผลการศึกษา และจัดเก็บข้อมูลของนักเรียนกว่า 5 ล้านคนใน 3,500 โรงเรียนทั่วประเทศเลยทีเดียว



เหรียญ ADA คือ 1 ในเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกซึ่งใน 3 เดือนที่ผ่านมา ADA ไม่เคยหลุด 10 อันดับแรกเลย แม้เครือข่ายจะยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาจึงยังไม่สามารถทำงานได้ครบทุกฟังก์ชันก็ตาม ADA จึงเป็นเหรียญที่น่าสนใจอย่างมาก





สรุป



เหรียญ ADA บนเครือข่าย Cardano ถือเป็น 1 ในเหรียญที่น่าจับตามอง แม้ว่าการพัฒนาเครือข่ายจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ทาง Cardano ก็มี Roadmap ที่ชัดเจน และมีการอัพเดทให้นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจได้ทราบอยู่เสมอ 



อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ





อ้างอิง:



Cardano, Coinmarketcap, Decrypt, Investopedia

Crypto

บทความล่าสุด

โทเคนดิจิทัล| Price Today!

อัพเดทตลาด