เหรียญ Ethereum คืออะไร และมีที่มาอย่างไร?
Ethereum คือหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดรวมเป็นอับดัน 2 ของโลก หรือคริปโทเคอร์เรนซี่ที่มีการทำงานด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนโดยมีเครือข่ายเป็นของตนเองปราศจากตัวกลาง ทำงานผ่านโหนด หรือผู้ใช้งานทั่วโลก และมีสกุลเงินตัวย่อยเป็น ETH หรือ Ether เพื่อเรียกเป็นค่าเงิน เหมือนสกุลเงินบาท แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการส่งต่อมูลค่าเหมือนกับบิตคอยน์
การใช้งานเทคโนโลยีหรือฟังก์ชันบนเครือข่าย Ethereum จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ระบบสามารถบันทึกข้อมูลให้เกิดความโปร่งใส โดยจ่ายค่าธรรมเนียมจเป็น ETH ซึ่งค่าธรรมเนียมในแต่ละครั้งจะแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้งานบนเครือข่าย ณ ขณะนั้น
อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานสามารถปรับปริมาณค่าธรรมเนียมที่ต้องการจ่ายได้ เพื่อให้ธุรกรรมดำเนินได้เร็วขึ้น แต่จะไม่สามารถรัดคิวคำสั่งของผู้ใช้งานก่อนหน้าได้
จุดเด่นของ Ethereum
สิ่งที่เป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Ethereum คือเครือข่ายที่มีจำนวนผู้ใช้งานฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อสร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปัจจุบัน โดยมีจำนวนแอปฯถูกสร้างบน ecosystem แล้วกว่า 3,500 แอปฯเลยทีเดียว
ด้วยความยืดหยุ่นของระบบ ผู้พัฒนาสามารถเขียนโค๊ดเพื่อพัฒนาแอปฯได้ง่ายกว่าและยังมีการทำงานตลอดเวลาจากการเป็นเครือข่ายกระจายศูนย์ ยากต่อการถูกโจมตีเพราะเซิฟเวอร์ไม่ได้ตั้งอยู่แค่ที่เดียวแต่กระจายอยู่ทั่วโลก
เครือข่ายของ Ethereum มีการทำงานด้วยระบบฉันทามติอย่าง Proof of Work (PoW) โดยนักขุด (Miner) มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมไปพร้อม ๆ กับรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย ซึ่งการที่จะได้รับสิทธิ์ในการตรวจสอบธุรกรรมจำเป็นต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งผู้ใช้งานต้องใช้ฮาร์ดแวร์และพลังงานไฟฟ้าเพื่อประมวลผลข้อมูลเหล่านั้น และจะได้รับค่าตอบแทนเป็น Ether หรือก็คือค่าธรรมเนียมของที่ผู้ใช้งานเสียจากการใช้งานระบบ
Ethereum กับ Bitcoin แตกต่างกันอย่างไร?
สิ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างอีเธอเรียมกับบิตคอยน์เริ่มตั้งแต่จุดมุ่งหมายของเหรียญทั้งสอง โดยบิตคอยน์มุ่งเน้นการรักษาและการส่งต่อมูลค่า แต่อีเธอเรียมมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและสร้างแอปพลิเคชันด้วยสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
ฟังก์ชัน Smart contract บน Ethereum มีประสิทธิภาพการทำงานที่มากกว่าทาง Bitcoin ด้วยจุดประสงค์หลักของทั้งสองเหรียญที่แตกต่างกัน แม้ว่าบิตคอยน์สามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะได้ แต่ด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าเป็นอย่างมาก และภาษาในการใช้งานจึงทำให้ไม่เหมาะต่อการสร้างสัญญาอัจฉริยะเ่ากับ Ethereum
สัญญาอัจฉริยะคืออะไร?
สัญญาอัจฉริยะ คือข้อตกลงระหว่างบุคคลที่ถูกออกแบบให้สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติและไม่ต้องผ่านตัวกลาง ส่งผลให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และป้องกันการสูญหายของสัญญา เนื่องจากมีการจัดเก็บไว้บนบล็อกเชน สามารถตรวจสอบได้อยู่เสมอ ซึ่งเป็นฟังก์ชันหลักของบล็อกเชนเจเนอเรชันที่ 2 อย่าง Ethereum นั้นเอง
สัญญาอัจฉริยะสามารถสร้างผ่าน Ethereum Virtual Machine (EVM) ที่มีการใช้ภาษาโปรแกรมเฉพาะทางอย่าง Solidity และ Vyper เพื่อร่างและสร้างสัญญาอัจฉริยะให้เกิดแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) มากมายบนโลกของคริปโต
ETH 2.0 คืออะไร?
โปรเจกต์สำคัญของ Ethereum เลยก็ว่าได้ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) จาก Proof of Work (PoW) ไปเป็น Proof of Stake (PoS) โดยที่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลให้เครือข่ายสามารถทำงานได้รวดเร็ว ง่ายต่อการขยายขนาดของเครือข่าย ยกระดับความปลอดภัย และประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนเป็น Proof of Stake ผู้ตรวจสอบธุรกรรม หรือ Validator จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยดำเนินธุรกรรมให้เร็วขึ้น และสร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่าย แทนนักขุด (Miner) ในระบบ Proof of Work
สรุป
Ethereum (ETH) คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงเป็นอันดับ 2 และเป็นเครือข่ายที่มีจำนวนผู้ใช้งานฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) เพื่อสร้างแอปฯกระจายศูนย์มากเป็นอันดับ 1 บนโลกคริปโต ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ Bitcoin
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 เหรียญมีเป้าหมายที่แตกต่างกันด้านการใช้งาน นักลงทุนอาจศึกษาข้อมูลเชิงลึกมากยิ่งขึ้น และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง:
Ethereum, Investopedia, Wikipedia, Forbes, Statesofdapps
Crypto
บทความล่าสุด
โทเคนดิจิทัล| Price Today!
อัพเดทตลาด
เนื้อหาและกิจกรรมดังกล่าวจัดทำโดยบริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด ซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.