GameFi คืออะไร?

GameFi คืออะไร?

GameFi คืออะไร?



GameFi เกิดจากการผสมผสานระหว่าง “เกม” และ “การเงิน” คล้ายกับ DeFi ที่เราคุ้นเคยในวงการคริปโต ที่นำ “การกระจายอำนาจ” และ “การเงิน” มารวมกัน



เกมประเภท GameFi คือ เกมที่มีโครงเอื้อให้ผู้เล่นสร้างรายได้จากการเล่นเกม โดยต้องมีโทเคน หรือไอเทมเริ่มต้นของเกมในกระเป๋าเงินดิจิทัลมาก่อนหน้า จากนั้น ผู้เล่นก็จะสามารถเริ่มเล่นเกมและรับผลกำไรจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเกมได้ เช่น ทำภารกิจ หรือ สร้างรายได้จากทรัพย์สินภายในเกม (เช่น อสังหาริมทรัพย์ ไอเท็ม ของตกแต่ง ฯลฯ) นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถสร้างรายได้แบบไม่ต้องไปลงมือทำ (Passive Income) จากฟีเจอร์ DeFi ของเกมนั้น ๆ อีกด้วย





ทำไม GameFi ถึงเป็นที่นิยม



สิ่งหนึ่งที่ทำให้ GameFi ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือคอนเซ็ปต์ Play-to-Earn ที่ให้ผู้เล่นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเหรียญหรือโทเคนโดยการนำไปซื้อขายในตลาดรอง ซึ่งเหรียญหรือโทเคนนั้นอาจมีทั้ง Fungible Token อย่างโทเคนเงินรางวัลของเกมนั้น ๆ และ Non-fungible Token (NFT) อย่างไอเทมในเกม 



ในขณะนั้นยังเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่การระบาดของโควิด-19 กำลังเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลให้คนจำนวนมากหันมาสนใจหาวิธีการสร้างรายได้แบบอื่น โมเดล Play-to-Earn ของ GameFi จึงเข้ามาตอบโจทย์ในจุดนี้เช่นเดียวกัน 





เล่น GameFi หาเงินได้จริงไหม



รายได้ของเกม GameFi มาจากการหมุนเงินจากผู้เล่นเป็นหลัก ซึ่งเกมแต่เกมก็จะมีวิธีการเล่นและหลักเศรษฐศาสตร์ (Tokenomics) ไม่เหมือนกัน ผู้เล่นจึงควรศึกษาวิธีการเล่นและหลักเศรษฐศาสตร์ในเกมอย่างละเอียด เพื่อดูว่าเงินที่จำเป็นสำหรับการซื้อไอเทมมาเพื่อเริ่มเล่นเกมและเวลาที่ต้องใช้ จะคุ้มค่ากับรายได้ที่อาจจะได้หรือไม่





โครงสร้างของ GameFi



1. โมเดลเกมแบบ Play-to-Earn (P2E)



Play-to-Earn (P2E) คือ โมเดลของเกม GameFi แบบล่าสุดที่อุตสาหกรรมเกมนำคริปโตมาประยุกต์ใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถสร้างสินทรัพย์ในเกม (In-game Assets) ได้ เช่น ไอเทม ตัวละคร ของตกแต่ง ที่ดินเสมือน ฯลฯ ในรูปแบบของ NFT ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในระบบของเกม



2. Non-fungible Tokens (NFT)



NFT (Non-Fungible Tokens) คือ โทเคนที่สร้างขึ้นบนระบบบล็อกเชน โดยสามารถใช้แทนการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวได้ เช่น ไอเทมในเกม ผลงานศิลปะ เพลง ที่ดินเสมือน ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครสามารถแก้ไขการเป็นเจ้าของ หรือสร้างสำเนาของ NFT นั้น ๆ ได้



3. โทเคนของเกม (Native Token)



แพลตฟอร์ม GameFi แต่ละเกมจะพึ่งการใช้งานโทเคนของแพลตฟอร์มตัวเองเพื่อดำเนินระบบเกม แจกจ่ายรางวัล และรักษามูลค่าของโปรเจกต์ เช่น เกม Axie Infinity ที่ใช้โทเคน Axie Infinity Shards (AXS) เป็นเหรียญในการปกครอง (Governance Token) และ Smooth Love Potions (SLP) สำหรับเป็นรางวัลภายในเกม



4. ฟีเจอร์ของ DeFi



นอกจากจะได้รายได้จากโมเดล Play-to-Earn แล้ว โปรเจกต์ GameFi บางโปรเจกต์ยังมอบรายได้แบบ Passive Income ให้กับผู้เล่นอีกด้วย โดยรายได้เหล่านี้มาในรูปแบบฟีเจอร์ของ DeFi เช่น การล็อคเหรียญในระบบเพื่อรับรางวัล (Staking) และเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเพื่อรับรางวัล (Yield Farming)



5.เทคโนโลยีบล็อกเชน



เดิมทีเกม GameFi ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Bitcoin อย่างไรก็ตามเนื่องจากบล็อกเชนของ Bitcoin มีข้อจำกัดในการขยายและมีความซับซ้อน จึงมีความจำเป็นที่จะย้ายไปยังบล็อคเชนอื่น เช่น Ethereum แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของค่าธรรมเนียมที่สูง และ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยและการกระจายอำนาจมากกว่าความเร็ว ซึ่งความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการเล่นเกม ดังนั้น GameFi จำนวนมากในปัจจุบันจึงเริ่มที่จะสร้างขึ้นบนบล็อกเชนที่เร็วกว่า เช่น Solana เป็นต้น





ผู้เล่นต้องเตรียมอะไรบ้างในการเข้าเล่น GameFi



1. กระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet)



ผู้เล่นจะต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อเก็บสกุลเงินดิจิทัล หรือ NFT เพื่อทำธุรกรรมในเกม กระเป๋าเงินที่คุณต้องมีขึ้นอยู่กับบล็อกเชนที่เกมสร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลของ MetaMask ที่สามารถเชื่อมต่อกับเกม GameFi ที่สร้างบนบล็อกเชน Ethereum ได้



2. โทเคนหรือไอเท็มเริ่มต้นของเกมที่จะเล่น



ถึงแม้เกม GameFi ทั้งหมดสามารถดาวน์โหลดและเล่นได้ฟรี อย่างไรก็ตามหลาย ๆ เกมบังคับให้ผู้เล่นซื้อ โทเคนของเกมนั้น ๆ หรือ ไอเทมเริ่มต้นก่อนจึงจะเริ่มต้นได้





วิธีสร้างรายได้จากการเล่น GameFi



สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการเล่นเกมรูปแบบ Play-to-Earn คือผู้เล่นสามารถสร้างรายได้ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับเกมเสมือนเกมอื่น ๆ เลยนั่นเอง โดยสามารถสร้างรายได้จากเกมที่เล่นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:



1. ขายสินทรัพย์ในเกม เช่น อาวุธ ตัวละคร การ์ด ที่ดินเสมือน ฯลฯ ในตลาดเปิด ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบ NFT



2. รับรางวัลจากการทำภารกิจในเกม



3. รับรางวัลจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ในเกม



4. ทำตัวละครในเกมให้มีคุณสมบัติเฉพาะตัว หรือเก่งมากขึ้น พร้อมนำมาขายต่อในราคาที่สูงขึ้น



5. ใช้ฟีเจอร์ DeFi รูปแบบต่างๆเช่น การล็อกเหรียญในระบบเพื่อรับรางวัล (Staking) และ เพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเพื่อรับรางวัล (Yield farming)





ความเสี่ยงของ GameFi มีอะไรบ้าง 



GameFi เป็นวงการที่มีความเสี่ยงสูง โดยความเสี่ยงหลัก ๆ ที่ผู้เล่นควรพิจารณาได้แก่ ความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัลและการไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล 



เหรียญหรือโทเคนที่ผู้เล่นได้รับเป็นผลตอบแทนจากการเล่นเกมถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะมีความผันผวนสูงมาก เช่น SLP ซึ่งเป็นโทเคนที่ผู้เล่นได้รับจากการเล่นเกม Axie Infinity ก็เคยทำราคาสูงสุดอยู่ที่ 14.08 บาท และมีราคาอยู่ที่ 0.7 บาท ผู้ที่สนใจจึงควรศึกษาความเสี่ยงของเกม และประเมินระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนตัดสินใจเริ่มเล่นเกม



ส่วนการไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลทำให้เกิดเหตุการณ์ Rug Pull ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้สร้างเกมหลอกให้นักลงทุนซื้อเหรียญของเกมแล้วหอบเงินหนีไปอยู่บ่อยครั้ง ตัวอย่างหนึ่งก็คือเหตุการณ์ Rug Pull ของเหรียญ SQUID ซึ่งเป็นเหรียญ GaameFi ที่เคยมีราคาพุ่งสูงถึงเหรียญละ 2,861 ดอลลาร์ ก่อนจะร่วงลงมาสู่ระดับ 0 ดอลลาร์ในเวลาสั้น ๆ ผู้ลงทุนจึงควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้สร้างเกมอย่างละเอียดอยู่เสมอ





สรุป



GameFi คือแนวคิดที่ผสมผสานระหว่าง “เกม” และ “การเงิน” อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีที่น่าสนใจในวงการคริปโตมาเป็นองค์ประกอบด้วยเช่น DeFi และ NFT จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากสนใจในการเล่นเกมประเภท GameFi และเต็มใจที่จะใช้เวลาและเงินไปกับเกมประเภทนี้



นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่เริ่มสนใจใน GameFi อีกด้วย





อ้างอิง:



Phemex, Coindesk, Okex, Medium, Bitcourier, Coinmartketcap, Binance

Blockchain

บทความล่าสุด

โทเคนดิจิทัล| Price Today!

อัพเดทตลาด