Non-Fungible Token (NFT) คืออะไร?

มาทำความรู้จัก Non-Fungible Token โทเคนดิจิทัลที่ไม่สามารถทดแทนกันและกันได้!

หลาย ๆ คนอาจกำลังสงสัยว่า NFT คืออะไร? ทำไม NFT ถึงมีการพูดถึงอย่างหนาหูและถือว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดในปีนี้! หากคุณคือหนึ่งในคนที่สงสัย มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันได้เลย!





Non-Fungible Token (NFT) คืออะไร?



Non-Fungible Token หรือ NFT คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว เป็นต้นฉบับ มีเพียงหนึ่งเดียว และไม่สามารถทดแทนได้  NFT มักจะถูกนำไปผูกกับสิ่งต่าง ๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ ดนตรี ของสะสม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ โดยสิ่งต่าง ๆ ที่นำมาทำเป็น NFT ต้องเป็นต้นฉบับ มีเพียงหนึ่งเดียว และไม่สามารถทดแทนได้ 



การครอบครอง NFT เปรียบเสมือนการเป็นเจ้าของเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับมูลค่าที่คนมอบให้กับผลงานนั้น ๆ แม้ NFT ไม่สามารถจับต้องได้ก็จริง แต่ชื่อเจ้าของจะถูกบันทึกลงเครือข่ายบล็อกเชน และย่อมมีมูลค่าทางจิตใจสำหรับเจ้าของ



อนึ่ง การซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัวนับว่าเป็นการลงทุนอีกรูปแบบนึง เพราะผลงานต่าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไปมักมีแนวโน้มที่ราคาอาจเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับมูลค่าที่บุคคลจะมอบให้



โทเคนดิจิทัลที่มีความแตกต่างกันกับสกุลเงินดิจิทัลโดยทั่วไป อย่าง Bitcoin, Ethereum, หรือ Bitkub Coin ที่มุ่งเน้นกับการเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้า และบริการต่าง ๆ และสามารถทดแทนกันได้ 





จุดเริ่มต้นของ NFT คืออะไร?



Non-Fungible Token (NFT) เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2014 โดย Kevin McCoy และ Anil Dash และได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2017 เพราะการสร้าง NFT สามารถทำได้ง่ายขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Ethereum เช่น CryptoPunks หรือ CryptoKitties 



ภายหลังในปี 2020 ตลาด NFTs ต่างก็เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มูลค่าการซื้อขายของตลาด ไปจนถึงราคาของ NFT ที่ได้รับความนิยมก็มีราคาเพิ่มมากขึ้น ชุมชนที่ชื่นชอบและให้การสนับสนุน NFT ก็ได้นำผลงานของศิลปินท่านต่าง ๆ มาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ในสื่อโซเชียลมีเดีย 



ณ ปัจจุบัน Twitter มีเปิดทดลองฟังก์ชันที่ผู้ใช้ที่มี Twitter Blue สามารถเชื่อมต่อ NFT กับทาง Twitter ที่จะแสดงเป็นกรอบ 6 เหลี่ยมและผู้ใช้คนอื่น ๆ สามารถกดเปิดดูรายละเอียดของ NFT นั้น ๆ เช่น เครือข่ายที่ทำงาน มาตรฐานโทเคน คอลเลกชันและอื่น ๆ ซึ่งทาง Facebook และ Instagram ก็ได้ออกมาประกาศว่ากำลังพัฒนาฟังก์ชันดังกล่าวเช่นกัน 





เบื้องหลังของสิ่งที่เรียกว่า NFT คืออะไร?



NFT ที่ทุกคนรู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ ผลงานดนตรี วิดีโอ หรืออื่น ๆ ล้วนเป็นโทเคนดิจิทัลทั้งหมด ที่ถูกบันทึกข้อมูลลงบนบล็อกเชน ทว่าการสร้างโทเคนดิจิทัลนั้นแตกต่างจากเหรียญคริปโทฯ ที่เปรียบเสมือนสกุลเงินกลางของเครือข่ายต่าง ๆ เพราะการสร้าง NFTs ทั้งหมดนั้นทำงานด้วยสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และมีสิ่งที่เรียกว่า มาตรฐานโทเคนนั่นเอง



มาตรฐานของโทเคน ERC เบื้องหลัง NFT มีอยู่หลากหลายประเภท เช่น ERC-721 หรือ ERC-1155 เป็นต้น ซึ่งโทเคนมาตรฐานดังกล่าว สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum  ที่ถูกกำหนดและมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้สร้างของเครือข่ายจะเป็นคนกำหนดมาตรฐานของโทเคนนั้น ๆ ภายในเครือข่าย ซึ่ง ณ ปัจจุบัน อย่าง Solana, Avalanche, Near Protocol และ อื่น ๆ ก็อาจมีมาตรฐานโทเคนที่คล้ายคลึงกับ Ethereum อาจเพราะการอ้างอิงและความง่ายต่อการเข้าใจของผู้ใช้ก็เป็นได้





NFT ทางเลือกในการสร้างรายได้ของศิลปินและช่องทางการลงทุน



ด้วยกระแสและการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 ส่งผลให้ศิลปินที่ชื่นชอบการวาดรูปก็ได้เริ่มต้นการออกผลงาน NFT เป็นของตัวเองและมีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Opensea และ Foundation อย่างแพร่หลายและเพิ่มมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน



ซึ่งนอกจากแพลตฟอร์มที่กล่าวมาทั้ง 2 ก็ยังมี Paras ที่เป็นตลาดซื้อขาย NFT ของเครือข่าย Near Protocol, Magic Eden ของ Solana, หรือ Bitkub NFT ของ Bitkub Chain ที่ได้มี NFT อยู่บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ และมีการซื้อขาย NFT กันอย่างแพร่หลาย เพราะค่าธรรมเนียม (Gas Fee) ในการซื้อขายหรือโอนเหรียญที่น้อยกว่าเป็นอย่างมาก ส่งผลให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากศิลปินและนักลงทุน





ตัวอย่างของ NFT ที่ได้รับความนิยม ณ ปัจจุบัน



ในปัจจุบัน NFT สามารถเกิดขึ้นได้ในเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถเขียน Smart Contract สำหรับโทเคนภายในเครือข่ายนั้น ๆ โดยที่แอดจะมายกตัวอย่างผลงาน NFT ที่ได้รับการจับตามองและมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น







Bored Ape Yacht Club



Bored Ape Yacht Club (BAYC) คือผลงานศิลปะ หรือ Collection ทั้งหมด 10,000 ชิ้น ของลิงหน้าตาเบื่อโลกถูกสร้างโดย Yuga Labs ที่มีการสุ่ม Traits หรือก็คือ หน้าตา สีขน หรือเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันออกไปด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรืออัลกอริทึม ถูกขายโดยผู้สร้างในราคา 0.08 ETH เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564 และปัจจุบันที่มีการครอบครองโดยบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลาย เช่น Eminem, Neymar, Justin Bieber และอื่น ๆ ส่งผลให้ราคาเริ่มต้น (Floor Price) ของ BAYC ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 109.5 ETH (ราคา ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565) ซึ่งถือว่าเป็นโปรเจกต์ NFT อันดับต้น ๆ ของโลก





Azuki



Azuki คือผลงาน Collection ของ Avatar 10,000 ตัว ที่มีการสุ่มสีผิว ทรงผม อุปกรณ์สวมใส่ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทางผู้สร้างได้เปรียบ Azuki เหมือนกับแบรนด์ ๆ หนึ่ง สำหรับ Metaverse หรือจักรวาลนฤมิต คำศัพท์ที่เป็นกระแสอันแสนร้อนแรงที่สุดในโลกคริปโทเคอร์เรนซี และ Azuki ยังถือเป็นโปรเจกต์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดด้วยระยะเวลาที่สั้นมาก ในช่วงเวลา 30 วันที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขาย (Trading Volume) ของ Azuki ถือเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่เพียง Bored Ape Yacht Club และมี Floor Price อยู่ที่ 27.99 ETH (ราคา ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565)







3Landers



3Landers คือโปรเจกต์ NFT สัญชาติไทย ด้วยฝีมือของคุณปอม (3landboy) ศิลปินไทยที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ซึ่ง Collection นี้มีผลงานทั้งหมด 10,000 ชิ้นที่ผ่านการสุ่ม Traits ให้มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเองได้ และในปัจจุบันหลังการเปิดตัวของโปรเจกต์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นโปรเจกต์ NFT สัญชาติไทยที่มีมูลค่าซื้อขายรวม (Traded Volume) สูงที่สุดและเป็นอันดับที่ 46 บน Opensea ณ ปัจจุบัน จากผลงานทั้งหมดทั่วโลกในระยะเวลาอันสั้น!



สรุป



ณ ปัจจุบันที่กระแสของ NFT มาแรงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ตั้งคำถาม หรือมูลค่าที่เกิดขึ้นของผลงานต่าง ๆ เสียงของทั้งสองฝ่ายที่มีมุมมองที่แตกต่างกัน บางคนก็ให้มูลค่าและความสำคัญทางจิตใจจากการถือครองเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจสามารถปฏิเสธได้ว่ามีผู้คนที่สงสัยหรือ เรียก NFT ว่าเหมือนกับรูปภาพดิจิทัล หรือ ไฟล์ jpeg ที่มีมูลค่าเกินจริง



อย่างไรก็ตาม ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะคิดและตัดสินใจในการลงทุนกับอะไรบางอย่าง การให้ความเคารพในสิทธิทางความคิดจึงสำคัญ และอย่าลืมที่จะศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้านเพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนะทุกคน!





อ้างอิง:

decrypt, ethereum, investopedia, Forbes